รูปถ่ายหลวงพ่อกวยรุ่น ศิษย์มีครู รูปถ่ายพ่อเที่ยงน่วมมานา รูปหล่อหลวงพ่อกวยรุ่นแรก รูป ถ่าย หลวง พ่อกวย แท้ คุณแม่บุญเรือนพุทธโธน้อย รูปถ่ายหลวงพ่อกวยย้อนยุคยอดนิยมครึ่งองค์ ออกวัดโฆสิตาราม ชัยนาท ปี ๖๓ รุ่น เมตตาศิษย์ ขาดความกว้าง ๓ ซ ม ความสูง ๕ ซ ม กําลังเป็นที่นิยม ผ่านพิธีการปลุกเสกแล้วพร้อมให้บูชากันแล้ว กําลังเป็นที่นิยมกันในตอนนี้ น่าเช่าเก็บไว้บูชาหรือไว้พกติดตัว งานสวยคมชัดพร้อมกรอบพุทธคุณ หนุนเรื่องเงินทองโชคลาบ และหน้าที่การงาน มีของพร้อมให้บูชาแล้ว ถ่ายภาพจากสินค้าจริงในร้าน สวมใส่ได้ทุกโอกาศ สินค้าหลักร้อย สวยหลักหมื่น มีบริการเก็บเงินปลายทาง รายระเอียดชัดเจน งานสวยคมชัด พุทธคุณเป็นเลิศ พร้อมใข้งาน สินค้าหลักร้อยคุณภาพหลักหมื่น เหมาะสัมหรับเป็นของฝ่ากสําหรับผู้หรับผู้ใหญ่ที่เราเคารพ ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษกโดยเกจิอาจารย์ดัง บันดาลความสําเร็จ โชคลาภ งานปราณีต สวยงาม ถ่ายจากสินค้าจริงในร้าน เหมาะสัมหรับเป็นของฝ่ากสําหรับผู้ใหญ่ที่เราเคารพนับถือ ตรวจดูสินค้าให้เรียบร้อย ใส่ข้อมูลให้ครบถ้วนและถูกต้อง ก่อนทําการยืนยันคําสั่งซื้อ งานสวย คมชัด คัดสวย ขอให้ท่านพิจารณาตามความชอบและความศรัทธา ส่วนในเรื่องของความแท้ขอให้ท่านพิจารณาเอาตามประสบการณ์ของแต่ละท่านเองนะคะ โปรดอ่าน โปรดระบุ ชื่อ-นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ และที่อยู่ในการส่งให้ละเอียด ถูกต้อง และชัดเจน ก่อนการสั่งซื้อ เพื่อง่ายต่อการจัดส่งให้ทุกที่ครับวันจัดส่งสินค้า จะมีพนักงานโทรหาก่อน โปรดรับโทรศัพท์ด้วยนะครับ ประวัติหลวงพ่อกวย หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร วัดโฆษิตาราม บ้านแค ต บางขุด อ สรรคบุรี จ ชัยนาท
ข้อมูลจาก: url]-patihan 4t com/pakuia 1 html หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร เดิมชื่อเด็กชายกวย ปั้นสน เกิดวันที่ ๒ พฤศจิกายน พ ศ ๒๔๔๘ ปีมะเส็ง ณ หมู่บ้าน บ้านแค หมู่ ๙ ต บางขุด อ สรรคบุรี จ ชัยนาท เป็นบุตรของคุณพ่อ ตุ้ย ปั้นสน บ้านเดิมอยู่วิเศษชัยชาญ จ อ่างทอง มารดาชื่อคุณแม่ต่วน เดชมา เป็นคนบ้าน แค ท่านทั้งสองมีบุตรและธิดาด้วยกัน ๕ คน คนที่ ๑ ชื่อนายตุ๊ ปั้นสน คนที่ ๒ ชื่อนายคาด ปั้นสน คนที่ ๓ ชื่อนายชื้น ปั้นสน คนที่ ๔ ชื่อนางนาค ปั้นสน คนที่ ๕ พระกวย ชุตินฺธโร ปัจจุบันพี่น้องของท่านและท่านได้มรณภาพหมดแล้ว เด็กชายกวย ปั้นสน เป็นบุตรคนสุดท้องของบิดามารดา ถือว่าเป็นบุตรคนเล็กที่ ก็เป็นที่รักรักใคร่ของบิดามารดา เมื่อโตขึ้นบิดา มารดาจึงได้นํามาฝากไว้กับ หลวงปู่ขวด ณ วัดบ้านแค เพื่อเรียนหนังสือ ในสมัยนั้นบ้านเมืองยังเป็นป่าเป็นดง จะหาโรงเรียน เรียนก็ยาก เพราะห่างไกลความเจริญ หลวงปู่ขวด ได้ไต่ถามถึงวัน เดือน ปีเกิดของเด็กชายกวย ตลอดจนลักษณะผิวพรรณ การ เดินและการพูดจา เด็กชายกวยมีวันเดือนปีเกิดของมหาบุรุษ แสดงว่าวันข้างหน้าจะได้ดีเป็นเจ้าคนนายคน ลักษณะสีผิว สีผิวขาว เหลืองแบบคนมีปัญญา สีผิวต่างจากบิดามารดา ริมฝีปากเล็กแสดงว่าเป็นคนพูดน้อย ประกายตากล้าแข็งเด็ดเดี่ยว แสดงว่าเป็น คนเด็ดเดี่ยวเด็ดขาด แต่เจ้าอารมณ์ การเดินก็แคล่วคล่องปราดเปรียว หลวงปู่ขวดได้พอใจและรับไว้เป็นศิษย์ ได้สอนหนังสือ ก กา สระ ตัวสะกด การันต์ แล้วเรียนบวก, ลบ, คูณ, หาร จนคล่อง เด็กชายกวยยังได้อ่านหนังสือธรรมบท บทสวดมนต์ต่าง ๆ ของพระ เด็กชายกวยก็ท่องได้ทั้ง ๆ ที่อายุเพียง ๖-๗ ขวบเท่านั้น หลวงปู่ขวดจึงได้ให้เด็กชายกวยเรียนหนังสือขอม เรียนสูตร, สน นาม อีกมากมาย เด็กชายกวยก็เรียนได้ จําได้ หลวงปู่ขวดได้ทุ่มสติปัญญาในการสอนเด็กชายกวยจนเต็มกําลัง เพราะรู้ในชะตาของเด็กชายกวยว่า วันข้างหน้าอาจจะได้บวชในพระศาสนา จะได้เป็นใหญ่เป็นโต ทั้ง ๆ ที่หลวงปู่ขวดชราภาพมากแล้ว ต่อมา หลวงปู่ขวดก็มรณภาพ บิดามารดาจึงได้นําเด็กชายกวยมาเรียนหนังสือขอมต่อกับอาจารย์ดํา วัดหัวเด่น ซึ่งใกล้ ๆ กับวัดบ้านแค เมื่อเรียนหนังสือขอมจนแตกฉานแล้ว บิดามารดาจึงได้พาเด็กชายกวยมาเรียนที่โรงเรียนวัดพร้าว ต ดอนกํา อ สรรคบุรี โดยเดินทางไปเรียนเพราะไม่ไกลนัก ได้สอบไล่ ชั้น ป ๑ และ ป ๒ เด็กชายกวยแทบจะไม่ได้ความรู้อะไรเพิ่มเติมเลย เพราะเด็กชายกวยได้เรียนมากับหลวงปู่ขวดและอาจารย์ดํามาแล้ว แถมยังมีความรู้มากกว่ารุ่นเดียวกันมากนัก ภาษาขอมก็เขียนได้ อ่านได้แตกฉาน เด็กชายกวยจึงเบื่อที่จะเรียนในโรงเรียนอีก จึงได้ช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพทําไร่ไถนา ระหว่างที่นายกวยทําไร่ไถนานี้ นาย กวยคิดถึงแต่หลวงปู่ขวด คิดถึงแต่วัด การทําไร่ทํานาหาไปใช้ไปไม่มีแก่นสาร หาประโยชน์อะไรไม่ได้ ช่วงนี้ตามคําบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ บอกว่านายกวยไม่ได้ประพฤติเป็นคนเกเร เหมือนกับคนเมืองสรรคบุรีสมัยนั้น จากคําบอกเล่าของหลวงพ่อกวยเอง เมื่อถามถึงชีวิตในวัยหนุ่ม ท่านเล่าว่าท่านเป็นคนซน คือซุกซน ชอบยิงกระสุน รูปร่างคล้ายธนู แต่ใช้ลูกดินยิง คือบ้านไหนตอนกลางคืนไม่ยอมปิดประตูหน้าต่างให้ดี ท่านจะแกล้งเอาคันกระสุนยิง เพื่อเตือนให้เจ้าของบ้านปิดประตูหน้าต่างให้ดี ในวัยหนุ่มนั้น ท่านได้พูดกับบิดามารดาว่า ถ้าตัวเองได้บวชเมื่อไรจะบวชไม่สึก ซึ่งท่านเคยเล่าให้คุณย่าฉวย เทียนจัน คนหัวเด่น ผู้เป็นพี่ของคุณยายฉาย ซึ่งเป็นผู้ที่ดูแลท่านก่อนมรณภาพ อายุย่าฉวยมากกว่าหลวงพ่อ ๓-๔ ปี ท่านได้เล่าถึงมูลเหตุของการบวชไม่สึกว่า ตอนสมัยท่านหนุ่ม ๆ ท่านมีคนรักอยู่เหมือนกัน ท่านเคยขึ้นหาคนรักของท่านในตอนกลางคืน โดยปีนหน้าต่างเข้าไปหา ท่านไม่ได้พูดไว้ว่าขึ้นหาบ่อยหรือไม่ และไม่ได้บอกว่าคนรักของท่านชื่ออะไร คืนวันหนึ่งเดือนหงาย พระจันทร์เต็มดวง ท่านนัดกับคนรักของท่านว่าจะไปหา แต่เมื่อท่านไปแล้ว ปรากฏไม่กล้าเข้าไปหา เพราะแสงจันทร์สว่างมากกลัวว่าที่พ่อตาจะเห็น ท่านได้คอยจนกระทั่งเดือนตก คือดึกมากแล้ว ท่านได้ปีนขึ้นไปหาคนรักของท่าน ปรากฏว่าคนรักของท่าน คอยท่านจนหลับไป ท่านได้เข้าไปดูคนรักของท่านนอนหลับอยู่ ผมผ้ายุ่งเหยิงนอนอ้าปากน้ําลายไหล ผ้าผ่อนเปิดคล้ายคนตาย คล้ายซากศพ หาความงามไม่ได้เลย ท่านได้ถอยหลังออกมาแล้วปีนหน้าต่างกลับ และท่านไม่ได้ไปหาคนรักของท่านอีกเลย และไม่มีคนรักอีก