สวัสดีค่ะ สาว ๆ ทุกคน บทความนี้ทีมงานมายเบสท์ (ไทยแลนด์) ภูมิใจเสนอ “ครีมกันแดดแบรนด์ญี่ปุ่นยอดนิยมที่หาซื้อได้ในร้านขายยา” ที่ไม่ว่าจะซื้อใช้เองหรือซื้อเป็นของฝากก็ได้ทั้งนั้น หลาย ๆ ตัวที่เรานำมาเปรียบเทียบก็มีขายที่ไทยแล้วนะคะ บทความนี้เราได้รวบรวมและคัดสรรครีมกันแดดมาจำนวน 24 ชิ้น นำมาเปรียบเทียบให้รับชมกันอย่างละเอียดยิบ ทุกหัวข้อคุณสมบัติที่ครีมกันแดดต้องมี ชนิดที่ว่าไม่เคยมีเว็บไซต์ไหนทำแบบนี้มาก่อน ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ ANESSA, ALLIE, BIORE เป็นต้น ครีมกันแดดแบรนด์ไหนจะยอดเยี่ยมที่สุดนั้นไปรับชมกันเลยค่ะ!
<สินค้าที่นำมาเปรียบเทียบในครั้งนี้>
- SHISEIDO |ANESSA Perfect UV Skin Care Milk
- SHISEIDO |ANESSA Perfect UV Skin Care Gel
- SHISEIDO |Clé de Peau Beauté crème UV
- SHISEIDO |Sunmedic UV Medicated Sunprotect EXa Milk Gel
- FANCL |Sunguard 50+ Protect UV
- ROHTO |Skin Aqua Tone Up UV Essence Lavender Colour
- ROHTO |Mentholatum Sunplay Super block
- ROHTO |Skin Aqua Super Moisture Gel
- DHC |Suncut Q10 Perfect Milk
- e’quipe |RMK UV Face Protector 50
- P&G |SK-II Atmosphere Airy Light UV Cream
- MUJI |Sunscreen Lotion
- Dr.Ci:Labo |UV&WHITE ENRICH -LIFT 50+
- KOSE |COSME DECORTE Sun Shelter Multi Protection
- KOSE |Suncut Perfect UV Gel
- KOSE |Suncut Tone-up UV Essence
- KOSE |Sports Beauty Sun Protect Gel
- KANEBO |ALLIE Extra UV Perfect
- KANEBO |ALLIE Extra UV Highlight Gel
- KAO |Biore UV Aqua Rich Watery Essence
- KAO |Biore UV Aqua Rich Watery Gel
- KAO |Biore UV Athlizm Skin Protect Essence
- KAO |Curel UV lotion SPF50+ PA+++
- YUSKIN |Yuskin S UV Milk
โดยในการทดลองครั้งนี้ ทีมงานชาวญี่ปุ่นได้แบ่งหัวข้อการตัดสินออกเป็น 5 หัวข้อ ดังนี้
ข้อ 1 ประสิทธิภาพในการกันแดด
ข้อ 2 ความติดแน่น ทนต่อการเสียดสี
ข้อ 3 ความสามารถในการกันน้ำ
ข้อ 4 การล้างทำความสะอาด
ข้อ 5 เนื้อสัมผัส
เพื่อให้ทุกคนมองเห็นภาพกันง่ายขึ้น เราก็ได้ทำการทดสอบและนำมาอธิบายไว้แล้วในที่นี้ค่ะ
สิ่งแรกที่เราจะทดสอบกันก็คือความสามารถพื้นฐานที่ครีมกันแดดทุกตัวจะต้องมี นั่นก็คือ “ความสามารถในการกันแดด” นั่นเองค่ะ
อันดับแรก เราจะนำครีมกันแดดแต่ละยี่ห้อมาทาลงบนแผ่นใส แล้วนำแผ่นวัดระดับ UV ที่จะเกิดการเปลี่ยนสีเมื่อมีรังสี UV มากระทบ วางไว้ด้านล่าง จากนั้นนำไปตากแดดไว้ภายนอกอาคาร แล้วเรามาดูความเปลี่ยนแปลงของสีแผ่นวัดระดับ UV กันค่ะว่าจะเปลี่ยนไปเท่าไร
ไม่ใช่แค่แผ่นวัดระดับ UV เท่านั้นนะคะ ผิวของคนจริง ๆ เราก็นำมาทดสอบเหมือนกันค่ะ! เราได้รับความร่วมมือจากทีมงานหนุ่มญี่ปุ่นภายในบริษัทมาช่วยร่วมทำการทดสอบ โดยเราจะนำครีมกันแดดทั้งหมด 24 ตัวมาทาไว้บนแผ่นหลังขาว ๆ ของเขากัน
วิธีการคือนำเทปกาวมาแปะล้อมกรอบสร้างเป็นตารางไว้เพื่อให้เข้าใจง่าย จากนั้นนำครีมกันแดดแต่ละตัวมาทาลงไปในช่องว่างที่เว้นไว้ค่ะ
หลังจากที่ทาครีมกันแดดครบทั้ง 24 ตัวแล้ว เราก็จะให้เขาไปตากแดดที่ดาดฟ้าเป็นเวลา 30 นาที เมื่อครบเวลาแล้วเราไปดูผลลัพธ์ที่ได้กันเลยค่ะ
แผ่นวัดระดับ UV ที่จะเปลี่ยนเป็นสีชมพูเมื่อถูกรังสี UV มากระทบ แต่จากผลการทดสอบกลับพบว่า แผ่นวัดระดับ UV ส่วนใหญ่ยังคงเป็นสีขาวเหมือนเดิม แทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยค่ะ สำหรับในบางส่วนที่มีสีเปลี่ยนแปลง คือ ครีมกันแดดชนิดเจลที่ทาแฉะจนเกินไป แต่ในส่วนที่ทาได้อย่างสม่ำเสมอก็สามารถป้องกันรังสี UV ได้ดีเช่นเดียวกับชนิดอื่น ๆ สรุปคือ การที่สีของแผ่นวัดระดับ UV เปลี่ยนแปลงไปนั้น เกิดจากการทาครีมกันแดดที่ไม่ถูกต้องนั่นเองค่ะ
จากผลการทดสอบ ไม่ว่าจะเป็นครีมกันแดดยี่ห้อไหนก็สามารถปกป้องรังสี UV ได้ดีเหมือน ๆ กัน พูดง่าย ๆ เลยก็คือ ครีมกันแดดจากญี่ปุ่นในปัจจุบันนั้น มีความสามารถในการกันแดดได้อย่างยอดเยี่ยมไม่แพ้กันเลยค่ะ
ถัดการทดลองถัดไป ผลที่ทดสอบกับผิวของคนจริง ๆ ก็แทบไม่ต่างกัน แต่ละผลิตภัณฑ์ให้ผลลัพธ์ที่เหมือนกับผลจากแผ่นวัดระดับ UV เลยค่ะ
แต่มีเพียงแค่หนึ่งชนิดที่ให้ผลลัพธ์แตกต่างกันออกไป คือครีมกันแดดยี่ห้อ Yuskin ค่ะ โดยผลจากแผ่นวัดระดับ UV นั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลงสีใด ๆ แต่ที่ผิวหนังของผู้ทดสอบนั้นเกิดรอยแดงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่เราได้นำมาทดสอบในครั้งนี้ส่วนใหญ่จะมี SPF50 ขึ้นไป และ PA++++ แต่ตัว Yuskin นั้นมี SPF25 UV++ เพียงเท่านั้น ซึ่งค่าตัวเลขเหล่านี้ทำให้รู้ได้ว่า ยิ่งมีค่าน้อยเท่าไหร่ก็จะไม่สามารถทนรังสี UV ได้เป็นเวลานานนั่นเองค่ะ
ต่อไปเรามาทดสอบเรื่องความติดแน่น ทนต่อการเสียดสีของครีมกันแดดแต่ละยี่ห้อกันค่ะ ว่าแต่ละยี่ห้อจะเป็นอย่างไรกันบ้าง
หลังจากการทาครีมกันแดดโดยให้ตัวครีมซึมลงผิวไปสักพักแล้ว เราก็ได้นำผ้ามาเช็ดถู 2 ครั้งในบริเวณที่ได้ทาครีมกันแดดลงไป แล้วไปดูผลลัพธ์กันว่าครีมกันแดดยี่ห้อไหนจะยังคงหลงเหลือกันอยู่นะ
ครีมกันแดดสูตรน้ำที่บางเบาไม่เหนียวเหนอะหนะ แม้จะเป็นตัวโปรดของใครหลาย ๆ คน แต่จากผลการทดสอบกลับพบว่ามีความติดทนที่ต่ำมาก ในทางกลับกันครีมกันแดดที่ติดแน่นทนนาน ทนต่อการเสียดสีนั้น ต้องขอยกให้ครีมกันแดดจาก ANESSA, ALLIE, Sports Beauty และ Athlizm เลยค่ะ อย่างล่าสุดได้มีสูตรใหม่ที่ไม่ใช่แค่กันน้ำกันเหงื่อเท่านั้น แต่สามารถทนต่อการเสียดสีได้ด้วย ผลการทดสอบก็ออกมาชนะให้เห็นอย่างขาดรอยเลยค่ะ
ครีมกันแดดชนิดเจลทั่ว ๆ ไปที่มีส่วนผสมของน้ำอยู่มาก อาจดูไม่ค่อยติดทนสักเท่าไหร แต่ถ้าเป็นของยี่ห้อที่ได้กล่าวไปล่ะก็ สามารถติดทนได้อย่างเหลือเชื่อเลยค่ะ โดยเฉพาะการใช้ “เทคโนโลยีทนต่อแรงเสียดสี” ของแบรนด์ ALLIE ไม่ว่าจะประเภทเจลหรือเอสเซนส์ก็ทำหน้าที่ออกมาได้ดีมาก ๆ เหมาะสำหรับสาว ๆ ในวันยุ่ง ๆ ที่ไม่สามารถทาครีมกันแดดได้หลายรอบ ลองมาใช้ครีมกันแดดจาก ALLIE ดูสิคะ เพราะจากผลการทดลองนี้จะไม่ทำให้สาว ๆ ผิดหวังแน่นอนค่ะ
ในส่วนของครีมกันแดดจาก Yuskin ที่เพียงแค่โดนสัมผัสเสียดสีก็หลุดลอกออกได้อย่างง่ายดาย แต่ถึงกระนั้น สิ่งที่ทั้งสองแบรนด์นี้มีนวัตกรรมร่วมกันก็คือ โมเลกุลสำคัญที่ทำหน้าที่สะท้อนรังสี UV ซึ่งเป็นเม็ดเล็ก ๆ วางตัวอยู่บนผิวหนัง จึงเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่ครีมกันแดดทั้งสองตัวนี้จะไม่ทนทานต่อแรงเสียดสีค่ะ
ต่อไปเป็นการทดสอบเรื่องความสามารถในการกันน้ำค่ะ
หลังจากทาครีมกันแดดให้ทั่วแล้ว เราจะนำเหงื่อเทียมที่ได้จากการผสมน้ำมันม้ากับน้ำอุ่นมาฉีดพ่นทั่วบริเวณที่ได้ทาครีมกันแดดไว้ จะกันน้ำกันได้หรือไม่นั้นไปดูกันเลยค่ะ
จากการทดสอบ ครีมกันแดดที่สามารถกันน้ำได้อย่างเห็นได้ชัดเลยก็คือ ครีมกันแดดชนิดเนื้อน้ำนม และชนิดโลชั่นค่ะ โดยเฉพาะ ANESSA ที่ตัวเนื้อครีมมีส่วนผสมของน้ำและน้ำมันรวมไว้ถึง 2 ชั้น จึงทำให้เหงื่อเทียมที่ฉีดลงไปเกิดจับตัวรวมกลุ่มกันเป็นหยด ไม่สามารถซึมลงเข้าไปในผิวได้นั้นเอง
นอกจากนี้ครีมกันแดดชนิดสะท้อนรังสีก็มีความสามารถในการกันน้ำได้ดีเหมือนกัน เพราะโมเลกุล Titanium Dioxide จับตัวรวมกับน้ำทำให้กลายเป็นหยด ทำให้สามารถกันน้ำไม่ให้ซึมลงผิวได้เช่นกันค่ะ
ในทางกลับกันครีมกันแดดชนิดเจล ที่มีส่วนผสมของน้ำอยู่มาก กลับพบว่าตัวเนื้อเจลจะไหลหลุดออกไปพร้อม ๆ กับเหงื่อเทียมที่มากระทบ ทำให้ไม่สามารถกันน้ำได้แม้แต่น้อย ดังนั้นสำหรับคนที่มีเหงื่อมากหรือกำลังเลือกครีมกันแดดสำหรับไปเที่ยวทะเลหรือลงเล่นสระน้ำ ก็อย่าลืมเลือกใช้ครีมกันแดดชนิดเนื้อน้ำนมหรือครีมกันแดดชนิดสะท้อนรังสีกันนะคะ
แล้วเรื่องการล้างทำความสะอาดล่ะ จะเป็นเหมือนที่ทุกคนเดาไว้กันรึเปล่านะ
นำแขนที่ทาครีมกันแดดไว้ มาล้างด้วยโฟมล้างหน้าประมาณ 2-3 ครั้ง จากนั้นล้างออกด้วยน้ำเปล่า ตัวครีมจะถูกล้างออกได้สะอาดหมดจดหรือไม่ไปเช็กกันค่ะ
เป็นไปตามคาดค่ะ สำหรับครีมกันแดดชนิดเจลนั้นสามารถล้างออกได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ลูบโฟมลงบนแขนเพียงเล็กน้อย ก็สามารถทำความสะอาดได้หมดจดไม่ทิ้งคราบเลยค่ะ
ในส่วนของครีมกันแดดประเภทกันน้ำหรือทนต่อแรงเสียดสี และโดยเฉพาะกับชนิดโลชั่นเนื้อผสมนั้นกลับล้างออกได้ยาก ซึ่งสามารถพูดได้ว่า เรื่องของการล้างทำความสะอาดกับความติดทนของตัวครีมนั้นเชื่อมโยงกัน ดังนั้นใครอยากเน้นเรื่องไหนก็ควรพิจารณาไว้ล่วงหน้ากันนะคะ
เนื้อสัมผัสของครีมแต่ละชนิดคือสิ่งสุดท้ายที่เราจะนำมาทดสอบกันค่ะ ถ้าครัมกันแดดมีเนื้อสัมผัสที่ดี ถูกใจเรา ก็จะเป็นตัวสำคัญที่ทำให้เราหันมาใช้ครีมกันแดดอย่างต่อเนื่องในทุก ๆ วันนั้นเอง
การทดสอบในครั้งนี้ เราได้สตาฟ 5 ท่าน มาเป็นผู้ร่วมทำการทดสอบ โดยการทดสอบนั้นจะเป็นการโหวตลงคะแนนหลังการใช้จริงตามความรู้สึกเมื่อทาครีมชนิดนั้น ๆ ลงไปบนผิว โดยให้สัมผัสที่ผิว, กลิ่น, รูปลักษณ์ของเนื้อครีม เป็นต้น มาเป็นเกณฑ์พิจารณา และเพื่อให้มีความเท่าเทียมกัน เราจะให้อาสาสมัครแต่ละท่านลงคะแนนความประทับใจของครีมกันแดดแต่ละชนิด จากนั้นจะทำการคำนวณหาค่าเฉลี่ยออกมาเปรียบเทียบกันค่ะ
การทดสอบเรื่องเนื้อสัมผัสจากความรู้สึกหลังการใช้นั้น ค่อนข้างที่จะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนออกมายากเหมือนกันค่ะ โดยครีมกันแดดที่มีลักษณะเนื้อสัมผัสเฉพาะตัวหรือกลิ่นที่ฉุนแรง รวมถึงชนิดเนื้อครีมที่เหนียวเหนอะหนะหลังใช้นั้น จะได้รับคะแนนค่อนข้างต่ำ ส่วนชนิดที่ได้รับคะแนนสูงนั้นจะเป็นครีมกันแดดเนื้อเจลชนิดน้ำที่ให้ความรู้สึกบางเบา เกลี่ยง่าย ไม่หนักผิว
นอกจากนี้สาว ๆ ควรระวังไว้ด้วยค่ะ เพราะมีครีมกันแดดบางประเภทที่แม้จะเขียนไว้ว่าเป็นชนิดเจลเหมือนกันแต่เป็นเจลชนิดที่ให้ความรู้สึกหนักต่อผิวไม่ต่างจากเนื้อครีม ดังนั้นก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ สาว ๆ ควรลองใช้ Tester ก่อนก็จะไม่พลาดแน่นอนค่ะ
ในส่วนของครีมกันแดดจาก SK-Ⅱ, RMK หรือที่เรียกได้ว่าครีมกันแดดเกรดหรู ก็ได้รับคะแนนความชื่นชอบจากหลาย ๆ คนเหมือน ๆ กัน แต่อาจเป็นเพราะความมีราคาแพงของผลิตภัณฑ์ จึงทำให้ผู้ใช้อาจทึกทักไปเองว่าดีก็เป็นไปได้ค่ะ
ครีมกันแดดในตำนานที่สำหรับคนญี่ปุ่นใครๆก็รู้จัก และตัวนี้ก็โด่งดังในหมู่ชาวต่างชาติด้วยค่ะ ใช้ได้ทั้งร่างเลยไม่ว่าจะเป็นหน้าหรือตัว เรียกว่าขวดเดียวครบครัน แต่ด้วยเนื้อครีมที่บางเบา บีมจึงชอบเอามาใช้กับหน้ามากกว่า จากประสบการณ์บีมเคยเอาไปใช้ที่บาหลีมาแล้วค่ะ แดดแรงมาก สำหรับบีมหน้าแทบไม่คล้ำลงเลย
วิธีใช้ตัวนี้ต้องเขย่าขวดให้ครีมข้างในเข้ากันดีก่อน ใช้เป็นอันดับสุดท้ายของสกินแคร์นะคะ และเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพมากขึ้น เวลาเราเช็ดหน้าซับเหงื่อ อย่าลืมทาซ้ำด้วยนะคะ !
ต่อจากนี้ไปจะเป็นการรีวิว 24 อันดับ ครีมกันแดดแบรนด์ญี่ปุ่นยอดนิยม โดยอิงจากข้อพิจารณาและคะแนนจากผลการทดสอบที่ได้ทดสอบกันไปในข้างต้น จะเป็นอย่างไรบ้างไปดูกันเลยค่ะ!
ที่แผ่นวัดระดับ UV นั้น แม้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ แต่ด้วยความที่ครีมกันแดดตัวนี้มีค่า SPF และ PA ที่น้อย ทำให้เมื่อนำมาทดสอบกับผิวคนจริง จึงเกิดเป็นรอยแดงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นสำหรับใครที่จำเป็นต้องอยู่กลางแจ้งที่มีแดดจ้าเป็นเวลานาน แนะนำให้นำมาทาซ้ำบ่อย ๆ ค่ะ
ในส่วนของเนื้อครีม ครีมกันแดดตัวนี้เป็นเนื้อครีมน้ำนม จึงให้ความรู้สึกนุ่มชุ่มชื้นเมื่อเกลี่ยลงไปบนผิว แต่หลังจากทาไปสักพักหลายคนกลับพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ารู้สึกเหนียวเหนอะหนะ หรือพูดได้ว่าตัวเนื้อครีมนั้นให้ความชุ่มชื้นที่มากเกินไปจนทำให้เกิดความรู้สึกหนักผิวขึ้นมา
อีกหนึ่งการทดสอบเรื่องการกันน้ำ ตัวครีมก็ได้ไหลหลุดออกไปพร้อมกับน้ำที่พรมลงไป ซึ่งทำให้สามารถใช้สบู่ล้างทำความสะอาดได้ง่าย ถ้าจะใช้ออกไปทำธุระนอกบ้านเพียงแค่เวลาสั้น ๆ ครีมกันแดดตัวนี้ก็สามารถทำหน้าที่ได้ดีอยู่เหมือนกันค่ะ
แม้ตัวชื่อผลิตภัณฑ์จะเขียนไว้ว่า เอสเซ้นส์ (Essence) แต่ความจริงแล้วเนื้อสัมผัสนั้นใกล้เคียงกับเนื้อเจลมากกว่า เมื่อทาแล้วให้ความรู้สึกชุ่มฉ่ำกับผิวมาก แต่ในทางกลับกัน ถ้าไม่เกลี่ยให้ดีก็อาจทำให้โดนแดดเผาเป็นบางบริเวณได้ค่ะ
ส่วนเรื่องความสามารถในการกันน้ำและแรงเสียดทานนั้นก็ทำออกมาได้ไม่ค่อยดีนัก นอกจากนี้ ก็มีบางคนให้ความเห็นว่าหลังจากทาที่ผิวแล้วรู้สึกเฉอะแฉะเกินไป บางส่วนก็บอกว่าครีมให้ความรู้สึกชุ่มฉ่ำกำลังพอดี ผลลัพธ์แตกออกเป็นสองเสียง ดังนั้นสำหรับสาว ๆ ที่ถูกใจกับเนื้อสัมผัสนี้ แนะนำให้ใช้ทาในวันทั่ว ๆ ไปกันนะคะ
เนื้อครีมซึมซาบเข้าสู่ผิวอย่างรวดเร็ว ให้ความรู้สึกกลมกลืนไปกับผิวได้อย่างดีเยี่ยม ดังนั้นในเรื่องเนื้อสัมผัสจึงได้รับคะแนนโหวตค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับครีมกันแดดชนิดเจลด้วยกัน แต่ด้วยความเป็นน้ำ (Watery) ของเนื้อเจลที่มากจนเกินไป ทำให้ไม่สามารถเกลี่ยได้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งบอกได้ว่าเป็นข้อเสียของครีมกันแดดชนิดนี้เลยค่ะ ดังนั้นสำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง หรือ กิจกรรมทางน้ำ ขอไม่แนะนำให้ใช้เป็นอย่างยิ่ง
แต่ในทางกลับกัน จุดด้วยนั้นกลับกลายเป็นข้อดีในเรื่องของการทำความสะอาดง่าย เพียงแค่ลูบสบู่ก็สามารถล้างออกได้อย่างง่ายดาย จึงเหมาะสำหรับคนที่ชอบอยู่แต่ในที่ร่มตลอดทั้งวันมาก ๆ เลยค่ะ
ครีมกันแดดที่จะมาช่วยซ่อนความหมองคล้ำ และให้ความโปร่งใสแก่ผิวด้วยสีจากลาเวนเดอร์ แม้ว่าจะไม่ค่อยเห็นผลในการทำให้ผิวขาว หรือ Tone Up สักเท่าไหร แต่ด้วยอนุภาคไข่มุกขนาดเล็กจิ๋วที่ผสมอยู่ในเนื้อครีม ก็สามารถให้ความแวววาวจาง ๆ บนผิวได้
ส่วนความสามารถในกันแดดก็ถือว่าสอบผ่าน เรื่องความติดแน่น ทนต่อการเสียดสีและการกันน้ำก็ทำออกมาได้ดี และจุดเด่นที่ไม่เหมือนใครเลยก็คือ กลิ่นของครีมชนิดนี้ ไม่ใช่กลิ่นที่ไม่หอมแต่อย่างใด แต่เป็นกลิ่นที่ค่อนข้างแรง ถ้านำมาใช้กับใบหน้าอาจทำให้รู้สึกฉุนได้ สำหรับใครที่ไม่ชอบกลิ่นฉุน จะใช้ทาบนร่างกายแทนน้ำหอมก็ถือว่าคุ้มค่าเลยค่ะ
ครีมกันแดดจาก Clé de Peau Beauté มีเนื้อครีมเป็นสีชมพูอ่อน ช่วยเติมเต็มให้ผิวดูมีสุขภาพดี สวยใสเป็นธรรมชาติ สามารถใช้ควบคู่ไปกับครีมรองพื้นได้ เนื้อครีมมีเนื้อสัมผัสที่บางเบา ให้ความชุ่มชื้นอ่อนโยนต่อผิว แต่สำหรับคนที่มีผิวมันอยู่แล้วอาจรู้สึกหนักเกินไป ดังนั้นจึงเหมาะกับสาว ๆ ที่มีผิวแห้ง หรือต้องการดูแลริ้วรอยก่อนวัย ในเรื่องของความสามารถในการกันน้ำและการล้างทำความสะอาดก็อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง จะใช้เป็นครีมทากันแดดทั่วไปก็ได้อยู่ค่ะ
เนื้อครีมเกลี่ยง่ายมาก ๆ สมกับที่เป็นชนิดเจลเลยค่ะ แต่ทุกคนกลับพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หลังใช้กลับให้ความรู้สึกเหนอะหนะผิวมาก จึงทำให้คะแนนในส่วนของเนื้อสัมผัสตกลงมา
ในทางกลับกันเรื่องของการล้างทำความสะอาดกลับมาเป็นที่ 1 เพียงแค่ใช้สบู่ถูเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำความสะอาดได้อย่างหมดจด หรือสามารถพูดอีกนัยหนึ่งได้ว่าความสามารถในการติดทนนั้นสู้ครีมกันแดดชนิดอื่นไม่ได้ ดังนั้นถ้านำมาใช้ทากันแดดในวันทั่ว ๆ ก็ถือว่าไม่มีปัญหาอะไร ขึ้นกับว่าสาว ๆ แต่ละคนจะยอมรับความเหนอะหนะได้เพียงไหน แต่สำหรับคนที่ชอบครีมกันแดดที่ล้างออกง่ายก็น่าจะเหมาะสุด ๆ ไปเลยค่ะ
ครีมกันแดดจาก COSME DECORTE โดดเด่นในเรื่องประสิทธิภาพในปกป้องผิวจากรังสี UV ด้วยความที่เป็นแบรนด์หรูหราและราคาแพง ดังนั้นความเห็นส่วนตัว คือ ใช้ทาแค่ใบหน้าก็เพียงพอแล้วค่ะ เวลาใช้ควรเกลี่ยให้ทั่วอย่างสม่ำเสมอเพื่อจะได้ไม่ทิ้งคราบขาว แต่เนื่องจากตัวครีมค่อนข้างหลุดง่ายเมื่อเจอแรงเสียดสี จึงควรทาครีมอย่างเบามือนอกจากนี้ ตัวครีมยังให้ความชุ่มฉ่ำแก่ผิวมากเสมือนมีน้ำมาเคลือบผิวไว้ ดังนั้นสาว ๆ คนไหนที่ต้องอยู่ในห้องแอร์เป็นเวลานาน ไม่อยากให้ผิวแห้งและต้องการป้องกันรังสี UV ไปในตัว เราขอแนะนำครีมกันแดดตัวนี้ให้เลยค่ะ
เพียงเกลี่ยตัวครีมกันแดดจาก Sunmedic ไปเบา ๆ บนผิวก็ให้ความรู้สึกนุ่มนวล ชุ่มชื้นและอ่อนโยนกับผิวมาก ๆ แต่ก็มีเสียงที่บอกว่าใช้แล้วกลับรู้สึกผิวมันขึ้นมาก จึงขอแนะนำครีมตัวนี้สำหรับคนที่ชอบความชุ่มชื้นมาก ๆ ค่ะ แม้ว่าตัวครีมจะไม่ค่อยทนน้ำและแรงเสียดสีสักเท่าไหร่ แต่เรื่องประสิทธิภาพในการกันรังสี UV และการล้างทำความสะอาดก็ทำได้ออกมาอย่างดีเยี่ยม สำหรับใครที่ลองใช้แล้วชอบเนื้อสัมผัส ก็หาซื้อมาใช้ได้ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ
ครีมกันแดดที่มีกระแสมาแรงเป็นที่พูดถึงกันในโซเชียลมีเดีย สตาฟสาวชาวญี่ปุ่นของมายเบสท์หลาย ๆ คนก็เคยใช้เจ้าครีมกันแดดตัวนี้มาก่อน ด้วยคุณสมบ้ติปรับสีผิวให้ดูขาวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ รวมถึงความสามารถในการกันแดดและการล้างออกง่ายก็ทำได้อย่างดีเยี่ยม แม้จะมีข้อด้อยอยู่บ้างในเรื่องของความติดทนและความสามารถในการกันน้ำ แต่โดยรวมแล้วก็สามารถทำหน้าที่ของครีมกันแดดได้อย่างไม่มีข้อบกพร่องใด ๆ เลยค่ะ
ในเรื่องของเนื้อสัมผัส ได้รับเสียงโหวตแยกออกเป็นสองเสียง มีทั้งที่บอกว่าชุ่มชื่นกำลังดีและเหนอะหนะ สาว ๆ คนไหนที่พอรับได้กับความเหนอะหนะที่ไม่ได้มากนัก ก็ถือว่าครีมกันแดดตัวนี้เป็นอีกตัวที่น่าสนใจ
ความสามารถในการกันน้ำของครีมตัวนี้ถือว่าทำออกมาได้ดีทีเดียว ในการทดสอบเหงื่อเทียม พบว่าเนื้อครีมได้จับตัวรวมกันเป็นหยด ไม่ซึมเข้าผิว แถมมีเนื้อสัมผัสบางเบา เกลี่ยง่าย ซึ่งเป็นจุดเด่นของครีมตัวนี้เลยค่ะ ในทางกลับกันมีอีกส่วนหนึ่งที่บอกว่ารู้สึกผิวมันขึ้นหลังใช้ เลยทำให้คะแนนเนื้อสัมผัสจากการทดสอบตกลงไปเนื่องจากเป็นครีมเนื้อผสม 2 ชั้น จึงมีคุณสมบัติกันน้ำเป็นเลิศ ซึ่งถือว่าเป็นจุดเด่นที่ไม่เหมือนใครเลยค่ะ
ครีมกันแดดชนิดเจลตัวนี้เป็นประเภทเดียวกับอันดับที่ 23 โดยส่วนใหญ่เนื้อครีมชนิดเจลนั้นจะได้รับคะแนนโหวตมากกว่าชนิดเอสเซ้นส์ แต่เจ้าครีมกันแดดตัวนี้กลับมีจุดด้อยในเรื่องของเนื้อสัมผัสอยู่แค่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ตัวครีมนั้นให้ความรู้สึกเหมือนเนื้อน้ำนมมากกว่าที่จะเป็นเนื้อเจล เพราะทั้งความเหนอะหนะและความเคลือบผิว ถ้าใครที่เน้นเรื่องเนื้อสัมผัส ขอแนะนำให้ใช้ครีมจำพวกเนื้อเอสเซ้นส์ แต่ถ้าเอาแค่เรื่องคุณสมบัติการใช้งานล่ะก็ ครีมกันแดดตัวนี้ก็แนะนำค่ะ
ครีมกันแดดจาก FANCL ไม่ทิ้งคราบขาว ช่วยเผยผิวขาวสว่างใสของสาว ๆ ได้เป็นอย่างดี แต่ด้วยความที่เป็นครีมกันแดดประเภทสะท้อนรังสี แม้จะเกลี่ยง่าย แต่ก็ทำให้ผิวมันขึ้นมาเหมือนกันค่ะ
ส่วนเรื่องประสิทธิภาพในการกันแดดก็ไม่มีข้อบกพร่องใด ๆ สามารถกันเหงื่อปลอมได้ แถมยังทนต่อแรงเสียดสีได้ด้วย สุดยอดไปเลยค่ะ แต่เวลาล้างออกควรพิถีพิถันในการล้างด้วย ดังนั้นสำหรับใครที่กำลังมองหาครีมกันแดดที่มีครบทั้งเรื่องความติดทนและการสะท้อนรังสี ขอแนะนำตัวนี้ให้เลยค่ะ
ตัวครีมสามารถป้องกันรังสี UV ได้ดีเยี่ยม และไม่ระคายเคืองต่อผิว เหมาะกับผิวแพ้ง่าย แถมยังกันน้ำได้ดีสุด ๆ ขาดอย่างเดียว คือ เรื่องความติดแน่น ติดทน น่าเสียดายมาก ๆ เลยค่ะ นอกจากนี้ถ้าทามากเกินไปอาจทิ้งคราบขาวให้เห็นได้ ดังนั้นควรกะปริมาณให้ดีเวลาใช้ด้วยนะคะ
แม้เป็นครีมกันแดดประเภทสะท้อนรังสี แต่ไม่หนักผิว ใช้การปกป้องผิวเหมือนมีฟิล์มมาเคลือบไว้ เนื้อครีมเกลี่ยง่ายแม้ใช้เพียงเล็กน้อยก็สามารถทาได้อย่างทั่วถึงเลยค่ะ
ครีมกันแดดที่ติดแน่นทนนานไม่ว่าจะเจอเหงื่อเทียมหรือแรงเสียดสี นอกจากนี้ยังกันแดดได้อย่างดีเยี่ยม เห็นความแตกต่างได้ชัดเจนกับบริเวณที่ไม่ได้ทา! แต่เวลาล้างออกหากใช้สบู่อย่างเดียวอาจล้างออกยาก หรือถ้าพูดตามตรงเลยก็คือ เป็นครีมกันแดดที่ติดแน่นสุด ๆ ไปเลยค่ะ ใครที่ชอบเรื่องความติดแน่นล่ะก็ พลาดไม่ได้เลย
ในส่วนของเนื้อสัมผัสนั้นค่อนข้างบางเบา เกลี่ยได้อย่างสม่ำเสมอ ให้ความรู้สึกเหนอะหนะเพียงเล็กน้อย แต่นั่นอาจเป็นเพราะช่วยปกป้องไม่ให้ผิวแห้งก็เป็นได้ค่ะ
ถึงแม้ว่าแผ่นวัดระดับรังสี UV จะเกิดเปลี่ยนสีขึ้นมาจาง ๆ แต่เมื่อนำมาใช้กับผิวจริงแล้วก็แทบจะไม่มีปัญหาอะไร ทั้งทนต่อแรงเสียดสีและล้างออกง่าย คุณสมบัติครบครันและใช้งานง่ายขนาดนี้ อย่ามองข้ามนะคะ
ส่วนเรื่องเนื้อสัมผัสจะไม่พูดถึงไม่ได้เลยค่ะ เนื่องจากตัวครีมมีความอ่อนนุ่มเหมือนน้ำนมมาก ๆ ถึงแม้สาว ๆ จะมีสภาพผิวแห้งแต่เมื่อทาครีมกันแดดตัวนี้ลงไปก็จะทำให้ผิวกลับมาชุ่มชื่นได้ในพริบตา แม้ตัวผลิตภัณฑ์จะมีปริมาณบรรจุที่ค่อนข้างมาก แต่ถ้าดูจากราคาแล้วก็ถือว่าราคาแรงอยู่ แนะนำว่านำมาใช้ทาแค่ผิวหน้าก็เพียงพอแล้วค่ะ
สามารถกันรังสี UV ได้ทุกซอกทุกมุมตามที่โฆษณาไว้เลยค่ะ ไม่ว่าจะการทดสอบไหนก็สอบผ่าน สมกับเป็น Athlizm ทำหน้าที่ Waterproof กันน้ำกันเหงื่อได้อย่างดีเยี่ยม แต่เรื่องการกันน้ำซึมเข้าผิวอาจบกพร่องไปบ้าง อาจเป็นเพราะในการทดสอบไม่ได้ใช้แค่น้ำธรรมดาแต่มีน้ำมันม้าผสมก็เป็นได้ เลยมีบางส่วนที่น้ำไม่จับตัวรวมเป็นหยด แต่ด้วยคุณสมบัติพื้นฐานของครีมกันแดดแล้วก็ทำได้ดีไม่มีปัญหาอะไรค่ะ
เนื้อสัมผัสของตัวครีมให้ความชุ่มฉ่ำมาก เมื่อเกลี่ยไปเรื่อย ๆ ก็จะซึมซาบเข้าผิวไม่ทิ้งคราบ และไม่ทำให้หนักหรือไม่สบายผิว รวมคะแนนความรู้สีกหลังใช้ไปด้วยแล้วคะแนนโดยรวมก็ถือว่าเป็นครีมกันแดดใช้ง่ายอีกตัวหนึ่งที่อยากแนะนำค่ะ
ครีมกันแดดแบรนด์ของ Muji เมื่อโดนแรงถูอาจหลุดออกง่าย แต่นอกเหนือจากหัวข้อนี้ ก็ถือว่าเป็นครีมกันแดดที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีไม่มีข้อติติงแม้แต่น้อยเลยค่ะ! ทั้งสามารถกันรังสี UV และกันเหงื่อเทียมให้จับตัวเป็นหยดไม่ให้ซึมเข้าผิวได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้เพียงใช้สบู่ถูก็ล้างออกได้อย่างสะอาดหมดจด มีเพียงแค่หัวข้อความติดแน่นเท่านั้นที่ไม่อาจสู้ได้ แต่ถ้าไม่ใช่แรงถูที่มากจนเกินไปก็ยังสามารถคงอยู่ได้ ไม่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการใช้งานแต่ประการใด
ตัวครีมเองก็มีเนื้อสัมผัสที่อ่อนโยน ซึมซาบเข้าผิวได้อย่างง่ายดาย ไม่เหนียวเหนอะหนะ ให้ผิวนุ่มลื่น แถมไม่ทิ้งคราบขาวอีกด้วย ด้วยราคาที่ไม่แพงแต่คุณสมบัติครบครันอย่างนี้ จะไม่ซื้อมาลองไม่ได้แล้วค่ะ
ครีมกันแดดที่ไม่เพียงกันแดดเท่านั้น ที่มาแรงกว่าเลยก็คือ ความสามารถในการกันน้ำค่ะ เหงื่อเทียมที่ถูกฉีดลงไปจับตัวกันเป็นหยดในพริบตา ซึ่งไม่ใช่ความสามารถที่ครีมเนื้อเจลทั่ว ๆ ไปจะสามารถทำได้ สมแล้วที่พัฒนามาด้วยเทคโนโลยีพิเศษอย่าง Aqua Booster Technology ไม่ทำให้ผิดหวังเลยค่ะ
แม้ว่าตัวครีมอาจมีหลุดไปบ้างเมื่อใช้ผ้าถู แต่สำหรับใครที่กำลังมองหาครีมกันแดดเนื้อเจลที่กันน้ำกันเหงื่อได้ดีล่ะก็ ต้องลองไปโดนกันดูค่ะ เนื้อ Texture ของครีมกันแดดตัวนี้เป็นเนื้อเจลเลยมีเนื้อสัมผัสที่บางเบา เกลี่ยง่าย อาจให้ความรู้สึกถูกเคลือบผิวอยู่บ้าง แต่เมื่อใช้ไปนาน ๆ ก็ให้ความคุ้นเคยกับผิวได้ดี ถือว่าใช้ง่ายมาก ๆ เลยค่ะ
ในการทดสอบเรื่องประสิทธิภาพในการกันแดด ไม่ว่าจะเป็นแผ่นวัดระดับ UV หรือผิวคนจริงก็ให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจมาก ๆ แถมยังสามารถบำรุงผิวให้สวยใสไปพร้อม ๆ กันได้อีกด้วย กำจัดข้อกังขาของหลาย ๆ คนที่ไม่เชื่อว่าครีมกันแดดจะทำหน้าที่ทั้งสองอย่างได้ดีไปพร้อม ๆ กันได้เลยทีเดียว
ถ้าพิจารณาเรื่องราคากับสารบำรุงผิวที่ผสมอยู่อย่างเข้มข้นแล้ว ครีมกันแดดตัวนี้เหมาะที่จะนำมาใช้ทาบริเวณใบหน้าเป็นอย่างยิ่ง และเนื่องจากทนต่อแรงเสียดสีได้ดี จึงทำให้สามารถทาครีมรองพื้นทับด้านบนได้อย่างไม่มีปัญหา ส่วนเรื่องที่ไม่ค่อยกันน้ำนั้นแค่แก้ปัญหาโดยการลงแป้งฝุ่นทับอีกชั้น เพียงแค่นี้ก็ออกมาสมบูรณ์แบบแล้วค่ะ
นอกจากนี้ตัวครีมก็มีเนื้อสัมผัสที่สมคุณภาพ เป็นความชุ่มชื้นที่ไม่รู้สึกหนักผิวจนเกินไป ให้ความเงางาม เผยผิวสวยได้อย่างมั่นใจ เนื้อครีมเกลี่ยง่ายพร้อมกับให้กลิ่นหอมที่ชวนหลงใหล เป็นครีมกันแดดที่สร้างความประทับใจไม่รู้ลืมเลยค่ะ
เนื้อครีมชนิดเจลนั้น ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถทนต่อแรงเสียดสีได้ ซึ่งเป็นข้อด้อยที่หลายคนน่าจะทราบกันดี แต่ ALLIE นั้นก็สามารถลบความเชื่อเหล่านี้ไปได้ ซึ่งแม้เนื้อครีมที่ถูกพัฒนาขึ้นมาจะมีคุณสมบัติด้านความติดทนได้ดี แต่การทำความสะอาดนั้นก็ไม่ได้ยุ่งยากเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด เพียงแค่ลูบสบู่ให้ทั่ว ตัวครีมก็หลุดออกได้อย่างหมดจดไม่ทิ้งคราบขาวหลงเหลือแม้แต่น้อย
ในส่วนของความสามารถในการกันน้ำอาจยังขาดไปเล็กน้อย แต่ถ้าดูความติดทนจากการเสียดสีควบคู่กันแล้ว ก็ถือว่าเหมาะที่จะนำมาใช้มาก ๆ ค่ะ นอกจากนี้เนื้อสัมผัสของตัวครีมนั้นให้ความรู้สึกเข้มข้นเหมือนเนื้อน้ำนมมากกว่าที่จะเป็นเนื้อเจล ดังนั้นจึงเหมาะกับสาวที่มีผิวแห้งมาก ๆ ค่ะ
ครีมกันแดดเนื้อเจลที่มาพร้อมกับเนื้อที่เกลี่ยง่ายและซึมซาบสู่ผิวหนังได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้ความชุ่มชื้นที่ไม่เหนอะหนะ และให้ผิวแวววาวดูมีสุขภาพดี เหมาะกับอากาศร้อนอย่างบ้านเรามาก ๆ ควบคู่กับกลิ่นหอมอ่อน ๆ แสนสดชื่น จึงทำให้ได้รับคะแนนความชื่นชอบมาอย่างท่วมท้น
เนื่องจากเป็นเนื้อครีมชนิดเจล เมื่อถูกเหงื่อเทียมก็มีหลุดออกไปบ้างบางส่วน แต่เรื่องประสิทธิภาพในการกันแดดก็ยังทำได้อย่างดีเยี่ยม เมื่อโดนแรงเสียดสีก็ชนะขาดลอย สำหรับสาว ๆ ที่ไม่ค่อยมีเวลามาทาซ้ำ หรือ ออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งทั้งวัน ตัวนี้เอาอยู่แน่นอนค่ะ
ที่สุดของพลังการกันน้ำที่มองไกล ๆ ก็ยังรู้! กับสุดยอดประสิทธิภาพกันรังสี UV จนเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจนกับส่วนที่ไม่ได้ทา สมกับที่เป็น ANESSA สีทอง! เรื่องติดทนต่อการเสียดสีก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน แม้เช็ดถูด้วยผ้าก็ยังคงหลงเหลือ ส่วนเรื่องการทำความสะอาดก็เพียงใช้สบู่ถูให้ทั่วก็ออกหมดไม่ทิ้งคราบ แม้จะเป็นยี่ห้อเดียวกับครีมกันแดดในอันดับที่ 7 แต่ถ้าพูดถึงเรื่องความสามารถในการกันแดดและความติดทนแล้วล่ะก็ต้องตัวนี้เลยค่ะ
จุดขายอีกอย่างหนึ่งของครีมกันแดดตัวนี้ คือ ผิวจะรู้สึกลื่นทันทีที่ทาแต่ก็มีบางส่วนที่บอกว่าให้ความรู้สึกเหมือนทาแป้ง สำหรับคนที่ต้องการความชุ่มชื้นมาก ๆ เจ้าครีมตัวนี้อาจมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอ แต่สำหรับคนที่ชอบความรู้สึกเบาสบาย ไม่หนักผิวแล้วล่ะก็ ต้องหามาลองใช้ให้ได้เลยนะคะ
ครีมกันแดดจาก Dr.Ci:Labo ตัวนี้ สามารถชนะเลิศทุกการทดสอบได้อย่างไม่มีข้อยกเว้น ด้วยตัวเนื้อครีมเป็นสีชมพูอ่อนจึงมาช่วยเติมเต็มความอมชมพูสดใสเป็นธรรมชาติแก่ผิวได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังสามารถนำมาใช้กับผิวหน้าแทนเบสรองพื้นได้ด้วย คุ้มค่าสุด ๆ
เนื่องจากเนื้อครีมค่อนข้างเข้มข้น สาวผิวมันง่ายอาจให้ความรู้สึกหนักผิวเกินไป คะแนนในส่วนเนื้อสัมผัสและความรู้สึกหลังใช้จึงแยกออกเป็นสองส่วน ดังนั้นสาว ๆ คนไหนที่มีผิวค่อนข้างแห้งง่าย เจ้าครีมตัวนี้ก็จะมาให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวได้ดี ใช้ได้อย่างสบายใจแน่นอนค่ะ
ครีมกันแดดที่คว้าอันดับ 1 มาได้ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ALLIE เลยค่ะ! ท่ามกลางครีมกันแดดส่วนใหญ่ที่ไม่สามารถเอาชนะแรงเสียดสีจากการขัดถูได้ แต่ ALLIE ตัวนี้กลับให้ผลลัพธ์ที่เกินคาด คือแทบไม่ต่างจากเดิมเลยแม้แต่น้อย สมกับที่ใช้เทคโนโลยีพิเศษ Friction Proof มาทำหน้าที่ได้อย่างไม่ผิดหวังกันเลยค่ะ!
แน่นอนว่าเรื่องรังสี UV ก็สามารถป้องกันได้อย่างดีเยี่ยมเช่นกัน ส่วนการทำความสะอาดก็ไม่ต้องกังวลว่าจะล้างยาก เพราะเพียงแค่ลูบสบู่ก็กลับล้างออกได้อย่างง่ายดาย
เนื้อสัมผัสบางเบา เกลี่ยง่ายปานกลาง แต่เมื่อทาไปแล้วค่อนข้างให้ความรู้สึกหนักผิว เลยทำให้คะแนนในส่วนของเนื้อสัมผัสลดลงไปเล็กน้อย แต่ถ้าดูแค่เรื่องคุณสมบัติของครีมกันแดดที่ไม่มีใครเทียบได้แล้วล่ะก็ คุ้มค่าแก่การหาซื้อมาใช้มาก ๆ สำหรับสาว ๆ คนไหนที่กำลังตามหาครีมกันแดดที่รวม 3 ขุมพลังอย่าง ติดทนนาน, กันแดดได้ดี และล้างออกง่าย อยู่ล่ะก็ ทางมายเบสท์ก็ขอบอกเลยว่าเจ้า ALLIE ตัวนี้ คือ Best Buy ที่ไม่ควรพลาดแน่นอนค่ะ!
เนื้อหาในบทความนี้เป็นครีมกันแดด ที่เราคัดสรรมาเฉพาะแบรนด์ญี่ปุ่น ยอดนิยม นอกจากนี้ ทางมายเบสท์ยังจัดทำบทความอื่น ๆ เกี่ยวกับครีมกันแดดอีกมากมายแยกตามประเภทของผิว ซึ่งสามารถอ่านได้ในลิงค์ด้านล่างนี้
เป็นอย่างไรบ้างคะ กับ 24 อันดับครีมกันแดดแบรนด์ญี่ปุ่นยอดนิยมที่หาซื้อได้ในร้านขายยาที่เรานำมาเปรียบเทียบให้ดูกันแบบเห็น ๆ
รังสี UV นั้นไม่เพียงก่อให้เกิดกระและจุดด่างดำแก่ผิวเท่านั้น แต่ยังเป็นสาเหตุทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควรอีกด้วย ดังนั้นทางมายเบสท์จึงอยากให้สาว ๆ ทุกคนที่ได้อ่านการทดสอบเปรียบเทียบที่เราได้นำมานำเสนอไปในครั้งนี้ นำไปเป็นตัวเลือกประกอบการตัดสินใจ ขอให้เจอครีมกันแดดที่ถูกใจและเข้ากับผิวเรากันนะคะ และหากคุณผู้อ่านทุกท่านชื่นชอบการนำเสนอบทความเปรียบเทียบสินค้าแบบจัดเต็มแบบนี้อีก สามารถทักทายทีมงานมายเบสท์มาได้ในแฟนเพจของเรา และอย่าลืมกดไลค์กดแชร์บทความ เพื่อเป็นกำลังใจกับทีมงานมายเบสท์ด้วยนะคะ