นอกจากยาสระผมและครีมนวดแล้ว อีกหนึ่งตัวช่วยที่จะทำให้สาว ๆ มีผมนุ่มสลวยและมีน้ำหนักในงบประมาณที่ไม่มากจนเกินไปนัก นั่นคือ “ครีมหมักผม” ซึ่งเชื่อว่าหลายคนคงเคยตั้งคำถามว่า “ครีมนวดกับครีมหมักผมต่างกันตรงไหน” คำตอบคือ ครีมหมักผมจะมีสารบำรุงที่เข้มข้นมากกว่าค่ะ ไม่จำเป็นต้องใช้ทุกครั้งที่สระผมเหมือนครีมนวด ใช้เป็นครั้งคราวตามสภาพของเส้นผม แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีครีมหมักผมอยู่หลายสูตรเหลือเกิน แต่ละสูตรก็ผลิตมาเพื่อแก้ปัญหาที่แตกต่างกันของสาว ๆ ในครั้งนี้ผู้เขียนจึงขอแนะนำ “วิธีการเลือก” พร้อมทั้งนำเสนอข้อมูล “10 อันดับครีมหมักผม” ซึ่งผ่านการเปรียบเทียบทั้งราคา, คุณสมบัติและรีวิว เพื่อให้สาว ๆ ได้สิ่งที่เหมาะกับตัวคุณและประหยัดเวลาการชอปปิง มาดูกันดีกว่าค่ะว่าจะมีครีมหมักผมยี่ห้อไหนดี ยี่ห้อไหนน่าซื้อไปไว้ติดห้องน้ำที่บ้านกันบ้าง
เพราะปัญหาเส้นผมของแต่ละคนไม่เหมือนกันจึงต้องการการเอาใจใส่ที่แตกต่างกัน ซึ่งสาว ๆ ควรจะเลือกอย่างไรให้เหมาะกับตัวเอง ครั้งนี้ผู้เขียนมีคำตอบมาให้กับทุกคนแล้วค่ะ
ลำดับแรกเรามาดูกันค่ะ ว่าควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมอะไรจึงจะสามารถแก้ไขปัญหาเส้นผมของเราได้
เช่นเดียวกับผิวหน้าของเรา เมื่อแห้งมากเกินไปก็ควรบำรุงด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์เพื่อปรับสมดุลให้กลับมามีความชุ่มชื้น โดยผลิตภัณฑ์ที่มีมอยเจอร์ไรเซอร์สูงมักจะมีส่วนผสมของน้ำมันที่สกัดมาจากพืชธรรมชาติเช่น น้ำมันจากอะโวคาโด, โจโจบา, มะกอก, ละหุ่งและเชียร์บัตเตอร์ ฯลฯ น้ำมันดังกล่าวจะเข้าเติมความชุ่มชื้นพร้อมกับช่วยให้เส้นผมกักเก็บน้ำไว้ สำหรับใครที่ต้องเจอทั้งอากาศหนาวและแสง UV ครีมหมักผมเหล่านี้ก็จะช่วยบำรุงให้ผมที่เคยยุ่งเหยิงจากการแห้งเสียกลายเป็นผมเรียบสวยได้แน่นอนค่ะ
ผมเสียจากการถูกทำร้ายด้วยสารเคมีต้องเอาใจใส่เป็นพิเศษนอกจากให้ความชุ่มชื้นต่อผมแล้วยังจำเป็นต้องทำการซ่อมแซมส่วนที่เสียไปด้วย สาว ๆ จึงควรเลือกครีมหมักผมสูตรที่ผสม “เคราติน” เพื่อช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของเส้นผมชั้นนอก (Cuticle) และเสริมเกราะป้องกันให้แข็งแรงยิ่งขึ้น เส้นผมของคุณก็จะกลับมานุ่มสลวยเหมือนเดิม
ส่วน Panthenol จะช่วยเพิ่มความเงางามให้กับเส้นผม เพราะให้ความชุ่มชื้นสูง นอกจากนี้ยังช่วยฟื้นฟู รักษาเส้นผมให้กลับมามีสุขภาพดี สาว ๆ ที่กำลังประสบปัญหาผมถูกทำร้ายลองเลือกให้เหมาะกับความต้องการของตัวเองกันดูนะคะ
หลายคนอาจเคยได้ยินกระแสกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม “ไม่ผสมซิลิโคน” เพื่อให้การบำรุงอย่างอ่อนโยน ปราศจากการระคายเคือง แต่ในความเป็นจริงแล้วน้องเขาก็มีประโยชน์อยู่เหมือนกันนะคะ เพียงแต่เราต้องเลือกใช้ให้ถูกเท่านั้นเอง ซึ่งวันนี้ผู้เขียนได้รวบรวมคำตอบมาให้เรียบร้อยแล้ว
ใครว่าซิลิโคนไม่ดีเสมอไปคะ ถ้าคุณอยากให้เส้นผมของคุณมีน้ำหนัก ทิ้งตัวสลวยและเงางามดูมีสุขภาพดี แนะนำให้เลือกใช้ครีมหมักผมที่ผสมซิลิโคน (สังเกตจากส่วนประกอบ เช่น Dimethicone หรือ Amodimethicone ) เพราะช่วยฟื้นฟูโครงสร้างภายนอกของเส้นผม
ยิ่งไปกว่านั้น ซิลิโคนยังเข้าเคลือบเส้นผม ช่วยให้เส้นผมที่ผ่านการดัดและทำสีซึ่งโดยปกติแล้วมักจะพันกัน สางยากเปลี่ยนเป็นเรียบลื่นและหวีง่ายขึ้น เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่อยากให้เส้นผมแลดูมีน้ำหนัก หนานุ่ม ไม่ชี้ฟู
เคยเป็นสิวที่ศีรษะ แผ่นหลัง หรือแม้แต่บริเวณกรอบหน้ากันไหมคะสาว ๆ ถ้าเคยล่ะก็ แนะนำให้ลองเลี่ยงการใช้ครีมหมักผมที่มีส่วนผสมของซิลิโคนดูค่ะ เพราะสารดังกล่าวหากล้างออกไม่หมดอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองกับผิวซึ่งเป็นสาเหตุทำให้น้องสิวบุกตามมา
แน่นอนว่าผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผสมซิลิโคนจะให้ความรู้สึกเบาสบาย แต่มีความสามารถในการเพิ่มน้ำหนักให้กับเส้นผมได้ไม่ดีเท่าแบบที่ผสม ดังนั้นจึงเหมาะกับคนที่ผมเคยแบนลีบต้องการเพิ่มวอลลุ่มให้ผมดูมีชีวิตชีวามากขึ้นค่ะ
ตามปกติแล้วครีมหมักผมที่มีส่วนผสมคุณภาพดีและอ่อนโยนมักจะมีราคาค่อนข้างสูง แต่การจะละลายทรัพย์ขนาดนั้นเพื่อผลิตภัณฑ์ที่ต้องใช้อยู่เป็นประจำก็ดูจะกระทบเงินในกระเป๋าไม่ใช่น้อยใช่ไหมล่ะคะ ดังนั้นการเลือกซื้อให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณจึงเป็นอีกสิ่งที่ต้องคำนึงถึงค่ะ
ถ้าใช้บ่อยเป็นประจำ แนะนำให้เลือกครีมหมักผมที่ราคาย่อมเยาและมีคุณภาพสมเหตุสมผลค่ะ ส่วนใครที่ผิวบอบบางแพ้ง่าย ให้เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ราคาสูงกว่าเพื่อความปลอดภัยและมั่นใจมากขึ้น นอกจากนี้อย่าลืมคำนึงถึงระดับความเอาใจใส่ที่ผมของคุณต้องการด้วยนะคะ จะได้ได้ทั้งผลิตภัณฑ์ที่ช่วยแก้ปัญหาได้และมีราคาเหมาะสม คุ้มค่ากับเงินที่เสีย
ต้องบอกก่อนนะคะว่าทรีตเม้นต์แว๊กซ์ของ BSC ตัวนี้มีเนื้อที่ค่อนข้างเหลวค่ะ ครั้งแรกที่ใช้อาจจะตกใจว่าเนื้อสัมผัสเหลวแบบนี้จะบำรุงอยู่หรอ? แต่จริง ๆ แล้วคือสุดยอดของการบำรุงเลยค่ะ ตัวนี้เป็นทั้งทรีตเม้นต์และแว๊กซ์เคลือบเงาในตัว
วิธีการใช้สามารถใช้ก่อนสระผมหรือหลังสระผมก็ได้ค่ะ แต่แนะนำให้ใช้หลังสระผมเพราะเขามีแว๊กซ์ในตัวที่ช่วยทำให้ผมหวีง่าย หลังใช้ผมจะเงาขึ้นและนิ่มมากแบบไม่น่าเชื่อเลย เหมือนผมเราสุขภาพดีมาตั้งแต่แรก ไม่เหมือนคนที่ผ่านการทำเคมีมาอย่างหนักหน่วงเลยค่ะ กลิ่นหอมอ่อน ๆ ไม่ฉุนจนปวดหัวด้วย
นอกจากการหมักผมแล้ว วิธีที่จะบำรุงผมได้อีกอย่างหนึ่งโดยไม่ต้องเสียเวลาหมักผมก็คือ การใส่ทรีทเมนท์ผมหลังจากสระผมเรียบร้อย นอกจากจะประหยัดเวลาแล้ว ยังช่วยปกป้องผมจากความร้อนของอุปกรณ์ทำความร้อนอย่างไดร์เป่าผม, เครื่องหนีบผมและเครื่องม้วนผมได้อีกด้วย ยี่ห้อไหนรุ่นไหนน่าใช้บ้าง ตามเข้าไปดูกันได้เลย
ตอนนี้สาว ๆ คงรู้วิธีเลือกให้เหมาะสมกับตัวเองแล้ว ลำดับต่อไปเรามาอ่านข้อมูลของสินค้าที่น่าสนใจ ซึ่งสาว ๆ หลายคนเลือกใช้กันค่ะ เพื่อให้เพื่อน ๆ ได้มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจมากขึ้น ว่าแล้วก็อย่ารอช้า เราไปอ่านกันเลยดีกว่าค่ะทุกคน
แบรนด์ที่ดูแลผมคนไทยมากว่า 45 ปี ซึ่งสูตรนี้เป็นสูตรบำรุงผมที่มีลักษณะแตกปลายและไร้น้ำหนัก ผ่านการทำสีและการทำเคมีต่าง ๆ ด้วยการผสานคุณค่าจากสารสกัดและกรดจากผลไม้ บำรุงให้เส้นผมแข็งแรง มีน้ำหนักและนุ่มสลวย ลดปัญหาผมแห้งชี้ฟู
สาว ๆ ที่ใช้รู้สึกสุขภาพผมดีขึ้น ปลายผมไม่พันกันและจัดแต่งทรงง่ายขึ้น นอกจากนี้เนื้อครีมยังเนียนนุ่ม มีหอมกลิ่นผลไม้อ่อน ๆ ใช้แล้วรู้สึกผ่อนคลาย กลิ่นติดทนนาน ให้ปริมาณเยอะแถมราคาถูกและหาซื้อง่าย ได้ผลจริงแต่อาจจะต้องใช้เวลา เหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวันและคนที่ไม่ได้รีบเร่งต้องแก้ปัญหาผมที่บอบช้ำค่ะ
เป็นอีกสูตรที่มีผองเพื่อนอยู่ในไลน์ “Natura Hair Treatment” กับตัวเองเยอะมาก ดังนั้นสาว ๆ ต้องจดจำชื่อและแพ็กเกจให้ดีนะคะ เวลาซื้อจะได้ไม่ผิด โดยสูตรนี้สังเกตง่าย ๆ ที่กระปุกจะมี “ดอกทานตะวัน” เพราะเนื้อครีมมีส่วนผสมของสารสกัดจากเมล็ดทานตะวัน มอบความชุ่มชื้นพร้อมเสริมเกราะป้องกันการทำร้ายของรังสี UV และทำลายอนุมูลอิสระอันเป็นสาเหตุของสีผมซีด ช่วยยืดอายุของสีผมให้นานขึ้น
จากรีวิวของสาว ๆ ส่วนใหญ่ชื่นชอบที่ผมนุ่มลื่นขึ้น สังเกตได้ว่ามีน้ำหนัก สางแล้วไม่ขาดหรือพันกัน และยังช่วยในเรื่องสีผมทำให้สีผมไม่จางเร็ว เนื้อครีมมีสีเหลืองอ่อน ๆ สัมผัสบางเบากว่าสูตรอื่น ๆ มีกลิ่นหอมผ่อนคลาย คุ้มราคา
Briogeo ถือเป็นแบรนด์ที่เน้นการผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมโดยเฉพาะที่กำลังมาแรงอย่างมากอย่างครีมหมักผมสุตรนี้ ด้วยส่วนผสมที่มีคุณค่าต่อผมของสาว ๆ ทั้ง Panthenol และน้ำมันจากพึชธรรมชาติต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอะโวคาโด, สวีทอัลมอนด์ หรือน้ำมันจากเปลือกผลไม้ ที่สำคัญคือไม่มีส่วนผสมอย่างสารกันบูด สีสังเคราะห์จึงอ่อนโยนต่อเส้นผมค่ะ
สาว ๆ ที่ผมทำสีหรือดัดมาใช้แล้วเห็นตรงกันว่า ครีมหมักให้ความชุ่มชื้นกับผมได้ดี รู้สึกผมแข็งแรงมีสุขภาพดีมากขึ้น แต่ก็ไม่เข้มข้นเกินไป ผมนุ่มลื่น พร้อมกลิ่นหอมจากผลไม้ที่สดชื่น แต่ราคาอาจจะแรงและยังหาซื้อได้ยากอยู่
ครีมหมักผมจากแบรนด์ที่ทุกคนรู้จักกันดีอยู่แล้ว โดยสูตรนี้เป็นสูตรสำหรับผมแห้งเสียโดยเฉพาะด้วยส่วนผสมที่กำลังเป็นที่นิยมในตอนนี้นั่นก็คือน้ำมันจากดอกกุหลาบที่มีประสิทธิภาพในการให้ความชุ่มชื้นเป็นอย่างดี สำหรับตัวนี้ไม่ใช้ดอกกุหลาบธรรมดาทั่วไปแต่เป็นดอกกุหลาบของฝรั่งเศสที่เพิ่มความเงาประกายให้เส้นผม
รีวิวของสาว ๆ อย่างแรกที่ได้ยินคือกลิ่นที่หอมมากจนรู้สึกถึงความหรูหรา ช่วยให้ผมนุ่มสลวย เงางาม เนื้อครีมเข้มข้นทำให้ผมไม่ใช้ฟูและมีน้ำหนัก สาว ๆ คนไหนที่ชอบกลิ่นหอมของกุหลาบและมีผมที่ต้องการความชุ่มชื้นสูง ต้องไม่พลาดลองใช้เลยค่ะ
คุณค่าจากเคราตินเข้มข้นที่ช่วยรักษาผมให้นุ่มลื่นดุจแพรไหม ไม่ชี้ฟูยาวนานถึง 48 ชั่วโมงแม้ต้องต่อสูกับอากาศร้อนชื้นอย่างบ้านเรา และมีน้ำมันจากดอกทานตะวันช่วยให้ผมชุ่มชื่นไม่แข็งกระด้าง สมกับเป็นแบรนด์ที่ช่างทำผมมืออาชีพไว้วางใจค่ะ
เกือบทุกเสียงในรีวิวบอกว่าใช้แล้วผมนุ่มสลวย เรียบลื่นขึ้นจริง สาว ๆ บางคนรู้สึกได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ นอกจากนี้ยังช่วยให้ผมเงางาม แลดูสุขภาพดีมากขึ้น ผมไม่พันกันทำให้จัดทรงง่ายขึ้นอีกด้วย มาพร้อมกลิ่นหอมอ่อน ๆ ทุกอย่างนี้ในราคาที่เอื้อมถึงค่ะ
ครีมหมักผมที่รู้จักชื่อแบรนด์กันดี ซึ่งสูตรนี้เหมาะกับสาวทำเคมีต่าง ๆ กับผมเพราะมีส่วนผสมของ “เคราติน” เติมเต็มโครงสร้างของเส้นผม เสริมให้ยิ่งแข็งแรงขึ้น ลดปัญหาเปราะขาด พร้อมทั้งผสานคุณค่าจากน้ำมันเมล็ดทานตะวัน เติมความชุ่มชื้นให้กับเส้นผม ช่วยให้นุ่มลื่นขึ้น
สาว ๆ ที่ใช้ต่างรีวิวว่าผมมีน้ำหนักมากขึ้น เรียงเส้นสวยเป็นระเบียบ ไม่ชี้ฟู หวีแล้วไม่พันกัน ส่วนเนื้อครีมค่อนข้างเข้มข้นเหมาะมากกับคนที่ผมแห้งอย่างรุนแรง กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ อย่างไรก็ตามอาจจะไม่เหมาะกับคนที่ผมลีบแบนต้องการวอลลุ่มค่ะ
ครีมหมักผมจาก Lolane แบบเข้มข้นที่มีให้เลือกถึง 5 สูตร โดยสูตรนี้มี “แถบสีส้ม” ให้สังเกต ทำหน้าที่บำรุงผมที่ถูกทำร้ายจากความร้อน ไดร์ หนีบและม้วนผม ด้วยส่วนผสมจาก “Triple Keratin” เคราตินทั้ง 3 ขนาด ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างของเส้นผมทุกระดับให้แข็งแรงและเสริมสร้างเกราะป้องกันจากมลภภาวะ ทำให้เส้นผมนุ่มสลวยและเงางาม
สาว ๆ ที่เลือกใช้รีวิวไว้ว่าผมแตกปลายน้อยลง เส้นผมเรียงตัวสวย ปลายไม่พันกัน จัดทรงง่ายขึ้น ดูมีน้ำหนักมากขึ้น ส่วนเนื้อครีมค่อนข้างเข้มข้นแต่ล้างออกง่าย ที่สำคัญกลิ่นหอมจนทำให้อยากใช้ทุกวันเลยค่ะ
สำหรับสาว ๆ ที่ผมเสียจากการทำเคมีต่าง ๆ โดยเฉพาะการยืดและทำสีเตรียมกรี๊ดกันได้เลยค่ะ เพราะครีมหมักผมขายดีสูตรนี้มีส่วนผสมของ “เคราติน” ช่วยเติมเต็มเกล็ดผมให้เรียบเนียนขึ้น พร้อมสร้างเกราะป้องกัน กักเก็บความชุ่มชื้นไว้ในเส้นผมและลดอันตรายจากรังสี UV อีกหนึ่งปัจจัยที่จะทำให้ผมของคุณแห้งกรอบ
สาว ๆ ที่ใช้จริงชื่นชอบในเนื้อครีมเข้มข้น มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ หมักแล้วเปลี่ยนผมที่แห้งกระด้างให้เป็นผมนุ่มลื่น เหยียดตรง มีน้ำหนักขึ้นในระดับหนึ่ง ช่วยให้จัดแต่งทรงง่ายและเงางามขึ้นเล็กน้อย
อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ยอดฮิตที่พัฒนามาเพื่อสาวผมแห้งเสีย ชี้ฟูจากการขาดการดูแลโดยเฉพาะ ด้วยส่วนผสมจากน้ำมันสึบากิ ช่วยบำรุงเส้นผมให้เงางามและนุ่มลื่นไม่พันกัน, โปรตีนจากข้าวบาร์เลย์ คืนความชุ่มชื้นให้กับเส้นผม และอนุพันธุ์กรดไฮยาลูรอนิค ช่วยกักเก็บน้ำไว้ในโครงสร้างเซลล์ได้นานขึ้น
หลังใช้สาว ๆ หลายคนรู้สึกว่าเส้นผมนิ่ม สัมผัสเรียบลื่นแลดูสุขภาพดีขึ้น ทิ้งตัวมีน้ำหนัก ช่วยให้จัดทรงง่าย อีกทั้งเนื้อครีมสีขาวเนียนนุ่มมีกลิ่นหอมดอกไม้อ่อน ๆ ใช้แล้วกลิ่นติดทนนานตลอดทั้งวัน หนึ่งกระปุกให้ปริมาณมากใช้ได้นานคุ้มราคา เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่หมักผมเป็นประจำค่ะ
และแล้วก็มาถึงอันดับแรกของเรา จากแบรนด์ดัง Pantene ที่สาว ๆ ทุกคนน่าจะคุ้นเคยกันดี ด้วยสูตรลับพิเศษที่ผสมผสานไปด้วยโปร-วิตามินผสานกับสารบำรุงเน้นการฟื้นฟูผมแห้งเสียที่เป็นสาเหตุทำให้ผมหลุดร่วงได้มากที่สุด โดยเฉพาะสาวผมยาวที่ที่มีปัญหาผมหล่นเต็มห้องน้ำ หรือเต็มห้องนอน สูตรนี้มีช่วยเติมสารอาหารให้กับเส้นผมถึงไปจนถึงรากผม และช่วยสร้างความแข็งแรงตั้งแต่รากผมถึงโคนผม หมดปัญหาผมร่วงอันดับเป็นสาเหตุหนึ่งของสาว ๆ ที่หนักใจ
จากรีวิวของผู้ใช้งานจริงหลายคนบอกเป็นเสียงเดียวกันใช้ง่าย ซึ่งผู้เขียนก็นั่งยันนอนยันว่าเลิฟมากจริงๆ เพราะผู้เขียนชอบทำสีผม เจอแฮร์มาส์กตัวนี้เข้าไป ผมเสีย ผมร่วง เอาอยู่ค่ะ นอกจากนี้ยังมีกลิ่นหอม ให้ความรู้สึกสดชื่นขณะหมัก และกลิ่นยังหอมติดทนนานทั้งวัน เป็น Must Have ไอเทมที่ต้องโดนเลยค่ะ
มองเผิน ๆ ครีมหมักผมดูไม่ยุ่งยากในการใช้ แต่ถ้าสาว ๆ ใช้ไม่ถูกวิธีก็จะไม่เห็นผลลัพธ์ที่เต็มประสิทธิภาพ ดังนั้นการอ่านวิธีการใช้อย่างละเอียดจึงเป็นอีกสิ่งที่สาว ๆ ต้องคำนึงเชียวค่ะ ซึ่งวันนี้ผู้เขียนได้รวบรวมเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้ทุกคนได้อ่านกันแล้ว
เชื่อว่าสาว ๆ หลายคนมักใช้ครีมหมักผมเป็นลำดับสุดท้ายหลังใช้ยาสระผมและครีมนวด ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ควรทำค่ะ เพราะเนื้อครีมจะบำรุงผมได้ไม่เต็มที่ วิธีที่ถูกต้องสาว ๆ ควรสระผมเพื่อล้างคราบและสิ่งสกปรกต่าง ๆ ออกให้หมดเสียก่อน ถือเป็นการเตรียมพร้อมสภาพเส้นผมให้เหมาะกับการดูแล จากนั้นให้บิดน้ำออกเล็กน้อย แล้วใช้ครีมหมักผมหมักให้ทั่ว เน้นตรงจุดที่ผมเสียหายเยอะ ๆ แต่พยายามอย่าให้เนื้อครีมสัมผัสหนังศีรษะหรือบริเวณที่เป็นสิวนะคะ เพราะอาจทำให้รูขุมขนอุดตันและอาการแย่กว่าเดิมได้
หมักทิ้งไว้ตามระยะเวลาที่เขียนไว้ที่ข้างผลิตภัณฑ์ ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็จะใช้เวลาในการหมักแตกต่างกันไป สาว ๆ ต้องอ่านคำอธิบายให้ดีนะคะ หลังจากใช้ครีมหมักผมแล้วเรียบร้อย ให้ใช้ครีมนวดต่อเพื่อปิดล็อกสารบำรุงต่าง ๆ ของครีมหมักผมให้คงอยู่ในเส้นผม แค่นี้ก็จะทำให้แต่ละผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมได้ทำหน้าที่ได้อย่างถูกต้องตรงตามประสิทธิภาพค่ะ
หนึ่งในคำถามยอดฮิตสำหรับสาว ๆ ที่สนใจซื้อครีมหมักผมก็คงจะหนีไม่พ้น “ควรใช้บ่อยแค่ไหน” ใช่ไหมล่ะคะ โดยทั่วไปแล้วครีมหมักผมไม่เหมาะกับการใช้ทุกวันค่ะ เพราะความเข้มข้นของสารบำรุงจะมากเกินความต้องการ ดังนั้นความถี่ที่เหมาะสมคือ 2-3 ครั้งต่ออาทิตย์ แต่สำหรับใครที่ชอบสระผมเป็นประจำทุกวัน แนะนำให้ใช้ครีมหมักผมแค่ 2 ครั้งต่ออาทิตย์ก็พอนะคะ
จบกันไปแล้วกับบทความดี ๆ ในวันนี้ เป็นอย่างไรกันบ้างคะสาว ๆ ทุกคนคงจะเห็นแล้วว่าครีมหมักผมแม้จะดูไม่ต้องพิถีพิถันในการเลือก แต่ก็มีสิ่งสำคัญที่เราต้องใส่ใจกันสักนิด นอกจากนี้การอ่านรีวิวสินค้ายอดฮิตก็เป็นอีกสิ่งที่สาว ๆ ห้ามลืมเชียวนะคะ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด ได้ครีมหมักผมที่ดีแล้วก็อย่าลืมใช้ให้ถูกต้องตามเคล็ดลับที่เราบอกกันไปด้วยนะคะ จะได้มีผมสวย นุ่มลื่นน่าสัมผัสในทุก ๆ วัน
สุดท้ายนี้ ถ้าสาว ๆ คนไหนเห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ อย่าลืมแชร์ให้เพื่อน ๆ อ่านกันนะคะ จะได้แบ่งกันผมสวย สะบัดผมทีคนต้องเหลียวหลังมาดู